รองผู้ว่าฯ สระแก้ว แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 1 รายที่อำเภอวังน้ำเย็นเดินทางมาจาก กทม.
31 มีค.63 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมสิรินธร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว นายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)จังหวัดสระแก้ว
นายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ว่า วันนี้ (31 มีค.63) จังหวัดสระแก้ว พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 สะสมจำนวน 8 คน มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคสะสมทั้งหมด 109 ราย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ 100 ราย ซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านและได้ติดตามกักไว้สังเกตอาการ 14 วัน และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1 ราย
วันนี้จังหวัดสระแก้วมีผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จำนวน 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 34 ปี ภูมิลำเนา อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว สถานะโสด อาชีพไม่ชัดเจน อยู่แถวเดอะมอลล์บางกะปิ กรุงเทพฯ มีประวัติการเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 25 มีนาคม 2563 ด้วยรถไฟจากสถานีรถไฟพญาไทถึงสถานีรถไฟสระแก้ว แล้วเดินทางต่อโดยรถตู้โดยสารประจำทาง จากคิวรถทางเข้าตลาดสดสระแก้วถึงอำเภอวังน้ำเย็น เข้าพักอาศัยอยู่บ้าน หมู่ 13 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
จากนั้นวันที่ 26 มีนาคม 2563 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น ด้วยอาการไข้ ไอ มีเสมหะ แพทย์วินิจฉัยหลอดลมส่วนต้นอักเสบเฉียบพลัน ให้ยาและกลับไปกักตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งบิดาได้ทำเพิงพักให้นอนอยู่นอกบ้าน ในวันที่ 27 มีนาคม 2563 ผู้ป่วยยังคงมีอาการไข้ ไอ หนาวสั่น จนกระทั่งวันที่ 29 มีนาคม 2563 เวลา 16.35 น. ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ได้เดินทางโดยรถจักรยานยนต์พร้อมกับบิดาไปที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น พยาบาลห้องฉุกเฉินได้คัดกรองและแพทย์ได้ตรวจอาการเข้าเกณฑ์วินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งเอ็กซเรย์และเข้าห้องแยกโรคตรวจวินิจฉัย ก่อนที่จะประสานงานระบาดวิทยา เข้าสอบสวนโรค แล้วส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วในเวลาต่อมา อาการปัจจุบัน มีไข้ อาการทั่วไปปกติ
โรงพยาบาลวังน้ำเย็น ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด พบผู้สัมผัสร่วมบ้าน 4 ราย ได้แก่ ชาย อายุ 68 ปี (บิดา) หญิง อายุ 68 ปี (มารดา) ชาย อายุ 28 ปี (น้องชาย) ผู้สัมผัสใกล้ชิด 1 ราย เป็นชาย อายุ 11 ปี (หลาน) นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสอื่นๆ อีก 3 ราย ได้แก่ เพื่อนบ้าน 1 ราย ,ร้านขายของชำ 1 ราย ,ร้านโทรศัพท์ 1 ราย โดยจะได้เก็บตัวอย่างผู้สัมผัสทั้งหมดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อไป
มาตรการเร่งด่วนที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้ประสานการดำเนินงานไป ได้แก่
1.ประสานงานไปยังพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามผู้สัมผัส และควบคุมโรคในพื้นที่
2.โรงพยาบาลวังน้ำเย็นร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอวังน้ำเย็น ลงสอบสวนโรคค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม (ผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 ราย และผู้สัมผัสทั่วไป 3 ราย)
3.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด Big cleaning และแจ้งเตือนเฝ้าระวังจุดเสี่ยง สถานที่ที่ผู้ป่วยเดินทางผ่านทุกจุด (สถานีรถไฟสระแก้วถึงท่ารถทางเข้าตลาดสดสระแก้ว-ตลาดเทียนทอง-โรงพยาบาลวังน้ำเย็น-ที่พักผู้ป่วย-บ้านใกล้เคียง)
ทั้งนี้ ได้มีการสื่อสารความเสี่ยงและทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับผู้ป่วย เพื่อลดความตื่นตระหนก ในเรื่องช่องทางการติดโรค ลักษณะการแพร่กระจายของโรค และการป้องกันตนเองสำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้สร้างสุขอนามัย ยึดหลัก “ลด เลี่ยง ดูแล” คือ
ลด ความเสี่ยง ด้วยการล้างมือด้วยน้ำ และสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้บ่อยขึ้น หากรู้สึกไม่สบาย ไอ จาม ให้สวมหน้ากากอนามัย
เลี่ยง การเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดและพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น เลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้า
ดูแล สุขภาพตนเองและสังคม ด้วยการกินร้อน ช้อนกลางส่วนบุคคล ทำตนเองให้แข็งแรง และกักตัว 14 วัน เมื่อเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาด
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงก่อนมาโรงพยาบาลต่อการติดเชื้อ COVID-19 ด้วยแบบประเมินออนไลน์โรงพยาบาลราชวิถี https://bit.ly/2x8LLD6 และติดตามสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสารได้ทางช่องทางต่างๆ ได้ที่ช่องทางต่างๆของ “ไทยรู้ สู้โควิด” ได้แก่ ทวิตเตอร์, เฟสบุ๊ค, ไลน์ออฟฟิเชียล (Line official) , ติ๊กต๊อก (TikTok) และแชทบอท 1422 ทางไอดี : @COVID-19 (แอดโควิด-19) , สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับช่องทางของจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ ฮอทไลน์ (HOT LINE) “1669 โควิดสระแก้ว” ที่ประชาชนสามารถโทรไปสอบถามอาการ ขอคำแนะนำ และแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ของจังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้ยังสามารถติดตามได้ทางเวปไซต์และเฟสบุ๊คแฟนเพจ “สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว” หรือโทร 0 37 425 141-4 ต่อ 308, 309 ในวันและเวลาราชการ